วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คุมตัว นายเจะหมะ วานิ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า และเส้นทางก่อเหตุลอบวางระเบิดรวม 3 จุดทั้งในพื้นที่ จ.ปัตตานี และจ.สงขลา

ข่าว ทักษิณ อรุณ สงขลา / คุมตัว นายเจะหมะ วานิ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า และเส้นทางก่อเหตุลอบวางระเบิดรวม 3 จุดทั้งในพื้นที่ จ.ปัตตานี และจ.สงขลา

วันนี้(28ก.พ.56) พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำพล บัวรับพร รอง ผกก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผกก.สภ.หาดใหญ่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร ภาค 9 หรือ ชุดสวาทแอดวานซ์ และกำลังตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมืด ได้ควบคุม นายเจะหมะ วานิ หนึ่งในผู้ต้องหาลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 55 ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาสซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 56 ที่ผ่านมา ขณะกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 128 ม.5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา และจากการสอบสวนให้การรับสารภาพ

            ซึ่งการทำแผนที่โรงแรมลีการ์เดนส์พล่าซ่า เริ่มจาก นายเจะหมะ วานิ พร้อมด้วยผู้ร่วมก่อเหตุคืออีกสองคนคือ  นายเสรี แวมามุ และนายรุสลัน ใบหมะ ขับขี่รถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ ทะเบียน กค 6734พัทลุง ที่ประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมส์ ซึ่งเป็นรถของ นายธนสร เกื้อสุข อดีตปลัด อบต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.สงขลา ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต และชิงรถคันดังกล่าวไปเมื่อวันที่23 ต.ค.54  ไปยังโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า  โดยมี นายรุสลัน เป็นคนขับ และนายเจะหมะ นั่งเบาะหน้า  ส่วนนายเสรี  รออยู่ด้านนอก

            โดยได้ขับผ่านทางช่องทางขาเข้าข้างโรงแรม และจอดแวะรับบัตรจอดรถที่จุดตรวจ ก่อนที่จะขับลงไปจอดยังชั้น B3 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ จากนั้นทั้งสองคน จึงได้เดินขึ้นมาจากชั้น B3 ผ่านลานจอดรถจักรยานยนต์ชั้น B2 เดินเข้าไปในห้างซึ่งอยู่ชั้นB1 และขึ้นบันใดเลื่อนไปยังชั้นG และออกไปทางประตูหน้าโรงแรมซึ่งตรงกับภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกได้

 

ก่อนที่ทั้งสามคนจะขึ้นรถตุ๊กๆ ด้านหน้าโรงแรม และเกิดระเบิดขึ้น  โดยตลอดการทำแผนมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากยืนรอดูหน้า นายเจะหมะ อยู่ที่บริเวณหน้าโรงแรมและมีหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย  โดยใช้เวลาทำแผนในครั้งนี้เกือบ1 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปทำแผนต่อที่มัสยิดควนลัง ม.3 ต.ควนลัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทั้งสามคนรวมตัวกัน

สำหรับหรับการนำตัวนายเจะหมะ มาทำแผนในครั้งนี้รวม3 จุดด้วยกัน คือจุดแรกที่มัสยิดกาบัง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นจุดที่นายรุสลัน ขับรถไปรับ นายเจะหมาะ เดินทางผ่านอ.จะนะ จ.สงขลา โดยใช้เส้นทางริมทะเลสายนาทับ เพื่อเลี่ยงจุดตรวจบ้านควนมีด บนถนนสายเอเชีย อ.จะนะ จากนั้นจึงไปรับ นายเสรี ที่มัสยิดบ้านควนลัง ม.3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ และขับรถเข้ามาก่อเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมส์ที่อ.หาดใหญ่

ทั้งนี้ การจับกุม นายเจะหมะ วานิ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ติดตามตัวมานานกว่า 7 ปี และหลบหนีไปกบดานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้ามา โดยเบาะแสสุดท้ายที่นำไปสู่การจับกุมคือ เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือระหว่าง นายเจะหมะ กับ นายวิทยา มูซอ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และทราบว่าได้หนีมากบดานอยู่ที่บ้านเลขที่128 ม.5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของนายวิทยา จนนำไปสู่การจับกุมได้ในที่สุด

สำหรับ นายเจะหมะ เป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่รับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่จ.สงขลา มีหมายจับคดีความมั่นคง 9 หมาย โดยเฉพาะคดีสำคัญเช่นมีส่วนลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่เมื่อปี47 ซึ่งเป็นระเบิดครั้งแรกที่เกิดขึ้นในอ.หาดใหญ่   ระเบิดร้านสะดวกซื้อ7 จุดในอ.เมืองและอ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ปี 51 เป็นต้น  โดยหลังการทำแผนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายเจะหมะ กลับไปยังศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา ทันที

Read more...

คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยเริ่มอ่อนกำลังลง เรือประมงขนาดใหญ่ในจ.สงขลา เริ่มทยอยออกทำการประมงวันแรก

ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา / คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยเริ่มอ่อนกำลังลง เรือประมงขนาดใหญ่ในจ.สงขลา เริ่มทยอยออกทำการประมงวันแรก  

วันนี้ (28ก.พ.56) สภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยเริ่มอ่อนกำลังลง  ทำให้บรรดาเรือประมงขนาดใหญ่ ทั้งเรืออวนลาก เรืออวนล้อม  เรืออวนซั้งปลาจาระเม็ดในจ.สงขลาที่จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่ อ.เมืองสงขลา  เริ่มทยอยออกเรือทำการประมงเป็นวันแรก หลังจากที่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องหยุดออกเรือชั่วคราวมากว่า 1 สัปดาห์จากภาวะคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรง รวมทั้งเรือขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำหรือเรือทัวร์ ขนาดใหญ่ ก็ลงน้ำแข็งเตรียมออกเรือไปรับสินค้าสัตว์น้ำนอกน่านน้ำเช่นกัน ขณะเดียวที่เรือประมงบางส่วนก็กลับเข้าฝั่งเทียบท่าเรือนำสินค้าสัตว์น้ำส่งแพปลาและโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ  หลังต้องทอดสมอหลบคลื่นลมแรงอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ      

อย่างไรก็ตามในส่วนของเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กที่ออกหาปลาตามแนวชายฝั่งสงขลา ส่วนใหญ่ยังคงหยุดออกเรือเพื่อรอให้สภาพคลื่นลมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

            ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกรายงานสภาพอากาศของภาคใต้ฝั่งตะวันออก เหนือจังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นไป มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ หรือประมาณ ร้อยละ 20  ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมา มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย หรือประมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร  และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

 

Read more...

เจ้าหน้าที่ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคใต้ตรวจวัดระดับน้ำในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาทั้ง 8 คลอง พบปริมาณน้ำยังไม่น่าเป็นห่วง และลดลงอย่างต่อเนื่อง

ข่าว ทักษิณ อรุณ สงขลา / เจ้าหน้าที่ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคใต้ตรวจวัดระดับน้ำในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาทั้ง 8 คลอง พบปริมาณน้ำยังไม่น่าเป็นห่วง และลดลงอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (28 ก.พ. 56) เจ้าหน้าที่จากศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคใต้ ลงพื้นที่ตรวจวัดปริมาณน้ำในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ในพื้นที่ อ.สะเดา และ อ.หาดใหญ่ ทั้ง 8 คลอง ที่เป็นลำน้ำสาขาของคลองอู่ตะเภา ประกอบด้วย คลองอู่ตะเภา  คลองลาปัง คลองวาด คลองหาดใหญ่ใน คลองหวะ คลองม่วงก็อง คลองสะเดา และคลองปริก เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำซึ่งยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังภาวะน้ำท่วม

            โดยพบว่า ปริมาณน้ำในคลองทั้ง 8 สายยังไม่น่าเป็นห่วงและน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมทั้งในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ  ของลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาที่ไหลผ่านพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.สะเดา คลองหอยโข่ง หาดใหญ่ และบางกล่ำ และการระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาคล่องตัวและยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก

            ขณะที่ภาพรวมของสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา ล่าสุดกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วโดยเฉพาะใน อ.รัตภูมิ ที่ถูกน้ำท่วมรวม 5 ตำบล และเจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหลังจากที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ อ.รัตภูมิ ที่ถูกน้ำท่วม และ อ.คลองหอยโข่ง ที่ถูกพายุฝนพัดถล่ม เป็นเขตให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน

 

 

Read more...

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 จัดสัมมนา“การจัดการทรัพยากรเพื่อก่อให้เกิดกำไรในอุตสาหกรรมไม้ยางพารา”

ข่าว สุธิดา พฤกษ์อุดม ภาพ โปรดปราน บุญธรรม / ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 จัดสัมมนา"การจัดการทรัพยากรเพื่อก่อให้เกิดกำไรในอุตสาหกรรมไม้ยางพารา" เร่งเพิ่มความรู้การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

วันนี้(28ก.พ.56) เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรม หรรษา เจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการสัมมนา "การจัดการทรัพยากรเพื่อก่อให้เกิดกำไรในอุตสาหกรรมไม้ยางพารา" โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้(จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) เข้าร่วมการสัมมนา จำนวน 80 คน

นายประสาทสุข  นิยมราษฎร์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กล่าวว่า  การจัดสัมมนาในวันนี้ จัดขึ้นโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 ได้รับจัดสรรงบประมาณจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพาราในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ชายแดน ซึ่งมีกิจกรรมหลัก 5 กิจกรรม ประกอบด้วย การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพารา (เป็นการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้ายางพารา)  การเชื่อมโยงกลุ่มอุตสาหกรรมยางและไม้ยางพารา การพัฒนา ECIT และ IT ในอุตสาหกรรมยาง และการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมสนับสนุนที่จัดขึ้น ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากรในโรงงานเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา (ในพื้นที่ 5 จังหวัดภายใต้ชายแดน) เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรให้แก่บุคลากรในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของธุรกิจอุตสาหกรรมไม้ยางพารา ให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรในด้านต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และอย่างยั่งยืน ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ต่อไป

Read more...

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กรมประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข” หวังสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้านการประชาสัมพันธ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนใต้

ข่าว สุธิดา พฤกษ์อุดม ภาพ โปรดปราน บุญธรรม / กรมประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร "สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข" หวังสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้านการประชาสัมพันธ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนใต้

วันนี้(27ก.พ.56) เวลา 15.00 น. ที่ โรงแรม บี.พี.แกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร "สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข" โดยมี นายอารมณ์ คงสกูล ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 สงขลา ร่วมให้การต้อนรับ และมีสื่อมวลชนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1- 8 กรมประชาสัมพันธ์ ทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนกว่า 100 คน

นางบุษยา ใจเปี่ยม ผู้อำนวยการส่วนแผนงานและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เกิดปัญหาความไม่เข้าใจเรื่องความแตกต่างด้านวัฒนธรรม ดังนั้น กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์มีหน้าที่ในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ดีแก่ประชาชน  จึงได้จัดโครงการกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร "สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข" ในครั้งนี้ ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-2 มี.ค.56 ที่ จ.สงขลา เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจด้านการประชาสัมพันธ์แก่สื่อมวลชนถึงสถานการณ์ชายแดนใต้

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษเรื่อง "การประชาสัมพันธ์ปัญหาชายแดนใต้"โดย ผศ.ปิยะ จิตถาวร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,  การเสวนา "สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข"  โดย ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา , นายจักรกฤช วรสูตร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ปัตตานี และ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรม

หลังจากนั้นสื่อมวลชนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 , 3 , 8 จะลงพื้นที่ศึกษาดูงานที่ จ.สตูล  , สื่อมวลชนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต  2 , 4 , 7 ศึกษาดูงานที่ อ.เบตง จ.ยะลา  ส่วนสื่อมวลชนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 จะลงพื้นที่ศึกษาดูงานที่ จ.นราธิวาส เพื่อศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน การดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป

กิจกรรมดังกล่าว มีการถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สงขลา F.M.102.25 MHz. เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดังกล่าวให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอีกทางหนึ่งด้วย

 

Read more...

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตำรวจสงขลาคุมเข้มช่วงเทศกาลมาฆบูชา หลังหน่วยข่าวแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังรถยนต์ต้องสงสัย 5 คัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลมาฆบูชา

ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา  / ตำรวจสงขลาคุมเข้มช่วงเทศกาลมาฆบูชา หลังหน่วยข่าวแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังรถยนต์ต้องสงสัย 5 คัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลมาฆบูชา
วันนี้(24ก.พ.56) พ.ต.อ.สุมิตร ศรีนวล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ จนท.ฝ่ายปกครอง ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด อาสารักษาดินแดน พร้อมเครือข่ายวิทยุเครื่องแดง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด 4 มุมเมือง เส้นทางเข้า ออก ตัวเมืองสงขลา ในช่วงเทศกาลมาฆบูชา ซึ่งจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว เดินทางเข้าวัดมาเวียนเทียนกันเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความอบอุ่นใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อเฝ้าระวังการลักลอบนำรถยนต์ที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ โดยเฉพาะการตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยที่เข้าข่ายลักษณะเดียวกันกับรถยนต์5 คัน ที่หน่วยข่าวได้มีการแจ้งเตือนว่าอาจจะนำไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์

ประกอบรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บร 7934 สงขลา รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรตัน สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน  รถกระบะอีซูซุ รุ่นตราก้อนอาย สีเขียว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส ทะเบียน 2473 สีเปลือกมังคุด ไม่ทราบหมวดอักษร และรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่ารุ่นเก่า สีแดงเลือดหมู ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน

 ในขณเดียวกันก็ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท ทั้งยาเสพติด และอาวุธปืน เพื่อป้องกันเหตุ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ เข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เพื่อมาท่องเที่ยวจับจ่ายหาซื้อสินค้าทำให้มีเงินสะพัดนับร้อยล้านบาท

 ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว  จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สินแก่นักท่องเที่ยวได้เข้ามาท่องเที่ยวในจ.สงขลา นอกจากนี้ยังจัดตั้งจุดตรวจและจุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง และเส้นทางหลักก่อนเข้าสู่ตัวเมืองสงขลา ทั้ง 4 มุมเมือง

Read more...

พายุ”ซานซาน”ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวไปบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง

ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา / พายุ"ซานซาน"ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวไปบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง  ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดแหลมสมิหลาเงียบเหงา


วันนี้(24ก.พ.56)  สภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยบริเวณชายฝั่งจ.สงขลา ยังคงมีกำลังแรงอีกระลอกจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรงและมีฝนตก  แม้จะยังไม่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ชายฝั่ง แต่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดแหลมสมิหลา เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกรุ๊ปทัวร์มาเลเซียและสิงคโปร์ยังหวั่นวิตกกับกระแสพายุ รวมทั้งในจังหวัดสงขลามีคลื่นลมแรงและมีฝนตกจึงงดเดินทางมาท่องเที่ยว  ส่งผลให้บรรยากาศบริเวณชายหาดแหลมสมิหลาเงียบเหงา ไม่คึกคักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นเดียวกับเรือประมงในจ.สงขลา ที่ส่วนใหญ่ยังคงงดออกเรือชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์ หลังมีประกาศเตือเรื่องคลื่นลมแรงในอ่าวไทย


ขณะที่ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกรายงานว่า พายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวไปบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียแล้ว

ส่วนบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคใต้ตอนล่าง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ไว้ด้วย

 

 

Read more...

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 สงขลา เร่งซ่อมถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.5004 ที่ถูกคลื่นซัดกระหน่ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 เนื่องจากในวันนี้ (ที่ 23 ก.พ. 56) ทะเลจะมีคลื่นลมแรง ซึ่งมีผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ซานซาน” (Shanshan) โดยนำเครื่องจักร หิ

         ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา / สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 สงขลา เร่งซ่อมถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.5004  ที่ถูกคลื่นซัดกระหน่ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 เนื่องจากในวันนี้ (ที่ 23 ก.พ. 56)  ทะเลจะมีคลื่นลมแรง  ซึ่งมีผลกระทบจากพายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) โดยนำเครื่องจักร  หินขนาดใหญ่และหินคลุก ทำถนนเป็น 2 เลน และแนวกั้นคลื่นความยาว 100 เมตร จากจุดเดิมเลียบแนวถนน เพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะถนนเป็นการชั่วคราวและรองบประมาณสร้างกำแพงเสาเข็มถาวรในปี 2557 วันนี้ (23 ก.พ. 56) สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 สงขลา นำรถแบคโฮและรถตักดินลงพื้นที่ถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.5004  ของกรมทางหลวงชนบท สายสงขลา- นาทับ ในพื้นที่ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลาเพื่อเร่งซ่อมถนนเลียบชายทะเล ที่ถูกคลื่นซัดกระหน่ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 เนื่องจากในวันนี้ (ที่ 23 ก.พ. 56) ทะเลจะมีคลื่นลมแรง ซึ่งมีผลกระทบจากพายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan)

           โดยสำนักทางหลวงชนบทที่ 12 สงขลา ได้ใช้งบฉุกเฉิน จำนวน 3 ล้านบาท นำหินขนาดใหญ่และหินคลุก ทำถนนเป็น 2 เลน และแนวกั้นคลื่นความยาว 100 เมตร จากจุดเดิมเลียบแนวถนน เพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะถนนเป็นการชั่วคราว และได้เสริมหินเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เนื่องจากบริเวณนี้มีรถเทลเลอร์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์วิ่งผ่านในการรับ-ส่งสินค้าแปรรูปสัตว์น้ำจากโรงงานตลอดเวลาด้วย 

           นายลัทธวุฒิ สุขจุล ผู้อำนวยการส่วนบูรณะ สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 สงขลา เปิดเผยว่า ในวันนี้ทะเลจะมีคลื่นลมแรง ซึ่งมีผลกระทบจากพายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) โดยทำการเร่งซ่อมถนนเลียบชายทะเล ที่ถูกคลื่นซัดกระหน่ำ ทำการเสริมหินใหญ่ทำแนวเขื่อนกันคลื่น โดยเรียงหินให้สโลปลง เพื่อรับแรงกระแทกของคลื่น ส่วนบนถนนจะใช้หินคลุกบดอัดแน่น โดยทำเป็นถนน 2 เลน ถึงแม้ว่าจะเป็นถนนชั่วคราวแต่ก็มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้นใช้งบฉุกเฉิน 3 ล้านบาท

           ส่วนในการแก้ปัญหาการกัดเซาะถนนสาย สข.5004 สงขลา  นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา แบบถาวร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 6-7 ระยะทาง 400 เมตร กรมทางหลวงชนบท ได้ตั้งงบประมาณสร้างกำแพงกันคลื่นป้องกันถนนเลียบชายฝั่งทะเลสายสงขลา  นาทับ โดยใช้เสาซัพพลายตอกเสาเข็มได้ทำการออกแบบและของบประมาณไปเรียบร้อยแล้ว   ที่ผ่านมากรมทางหลวงชนบทได้ทำการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นแบบนี้ทั้งหมด 6 จุด ระยะทาง 1.9 กิโลเมตร ตั้งแต่ปี 2553 ใช้งบประมาณ 49 ล้านบาท สามารถป้องกันพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นสิ่งปลูกสร้างด้านในชายฝั่งไม่ให้ถูกคลื่นกัดเซาะเข้ามาทำความเสียหายได้ โดยเฉพาะถนนเลียบชายฝั่งทะเล ถนนสาย สข.5004 สงขลา  นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา สามารถป้องกันการกัดเซาะของคลื่นได้เป็นอย่างดี

Read more...

สภ.หาดใหญ่ บุกค้นคาร์แคร์ร้างบ้านเกาะหมี รวบหนุ่มใหญ่ค้าน้ำมันเถื่อนพร้อมของกลางน้ำมันเบนซินเถื่อนกว่า 1,200 ลิตร

        ข่าว ทักษิณ อรุณ สงขลา / สภ.หาดใหญ่ บุกค้นคาร์แคร์ร้างบ้านเกาะหมี รวบหนุ่มใหญ่ค้าน้ำมันเถื่อนพร้อมของกลางน้ำมันเบนซินเถื่อนกว่า 1,200 ลิตร วันนี้ (23 ก.พ. 56) พ.ต.ท.ภูมินพเดช พรศรีภาค รอง ผกก.สส. สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ พ.ต.ต.บัณฑูร เทพสุวรรณ สว.สส.สภ.หาดใหญ่ ได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวนหนึ่ง บุกเข้าจับกุมตัว นายดนัย บิลสัน อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/13 ม.4 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ เจ้าของปั๊มน้ำมันเถื่อนหลอดแก้วรายใหญ่ ซึ่งเปิดอยู่ที่คาร์แคร์ร้างไม่มีเลขที่ ริมปากซอยถนนกาญจนวนิช บ้านเกาะหมี ม.11 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ พร้อมยึดของกลางทั้งถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง หลอดแก้วหมุนน้ำมัน 2 หลอด มอเตอร์ดูดน้ำมัน 1 ตัว และแกลลอน ขนาด 30 ลิตร อีกจำนวน  35 แกลลอน ซึ่งภายในมีน้ำมันเบนซินเถื่อนบรรจุอยู่รวมกันประมาณ 1,200 ลิตร

 

            จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้หันมาเปิดปั้มน้ำมันเถื่อนได้ระยะหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่ามีกำไรดีถึงลิตรละเกือบ 10 บาท และมีคนแวะเวียนเข้ามาใช้บริการในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก โดยน้ำมันเถื่อนทั้งหมดรับมาจากกลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนใน อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นเมืองชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยจะแวะมาส่งให้เป็นระยะๆ และตนจะซื้อกักตุนไว้ประมาณครั้งละ 1,000 ลิตร ใส่ไว้ในแกลลอน แล้วนำไปซุกซ่อนไว้ในที่พักคนงานของคาร์แคร์ร้างที่เปิดเป็นปั้มน้ำมันเถื่อนดังกล่าว

 

            เบื้องต้นเหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีในฐานความผิดเกี่ยวกับการค้าน้ำมันเถื่อน รวมทั้งจะทำการสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป

Read more...

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ประกาศเตือนภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกและคลื่นลมแรงในอ่าวไทยเรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เดินทางกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างคลื่นลมในอ่าวไทย

         ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา / ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ประกาศเตือนภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกและคลื่นลมแรงในอ่าวไทยเรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เดินทางกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร เรือประมงรีบนำสินค้าสัตว์น้ำขึ้นท่าส่งแพปลา นำเรือจอดหยุดออกเรือชั่วคราว หวั่นถูกคลื่นซัดเรือจม วันนี้ (23 ก.พ. 56) ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ประกาศเตือนเรื่อง "ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงในอ่าวไทยตอนล่าง" เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มี ฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2556 สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

            และวันนี้  (23 ก.พ. 56) พายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 5.1 องศาเหนือ ลองจิจูด109.5 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางใต้เล็กน้อยอย่างช้าๆ และคาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซียในช่วงวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2556

            ทำให้เรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมทั้งเรือขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำเดินทางกลับเข้าฝั่งเทียบท่าเทียบเรือประมงใหม่ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา หลังมีมีประกาศเตือนเรื่องคลื่นลมแรงในอ่าวไทยจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยเรือประมงเร่งขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำส่งแพปลาและส่งโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ  พร้อมหยุดทำการประมงและนำเรือเข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือประมงใหม่สงขลา โดยเฉพาะกลุ่มเรือประมงขนาดเล็กที่ทำการประมงชายฝั่งทะเลอ่าวไทยไม่กล้าเสี่ยงกับคลื่นที่สูง 2-3 เมตร เกรงว่าจะเกิดอันตรายถูกคลื่นซัดเรือจมได้

            อย่างไรก็ตาม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ประกาศเตือนเรื่องคลื่นลมแรงในอ่าวไทยในวันนี้ เพื่อให้ชาวประมงได้ระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงนี้ เนื่องจากคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง และขอให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศเกี่ยวกับพายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) ต่อไปอย่างใกล้ชิด

            นางพะเยาว์ เมืองงาม นักอุตุนิยมวิทยาชำนาญงาน รักษาการ ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน "ซานซาน" (Shanshan) จะมีผลกระทบกับภาคใต้ตอนล่าง ทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้น ไม่ใช่มีผลกระทบโดยตรงแต่เป็นทางอ้อมมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นจากที่ไม่มีฝนตกมาเลย ตั้งแต่วันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2556 ตั้งแต่พัทลุงสงขลาลงไปถึงปัตตานี ยะลา นราธิวาส แต่ที่หนักๆ ก็ตั้งแต่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ลงไป ส่วนคลื่นลมในทะเลตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

Read more...

เทศบาล ต.เกาะแต้ว ขอพื้นที่ที่ทิ้งขยะ 200 ไร่ คืน หลังชาวบ้านเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นและน้ำเสีย

        ข่าว สันติภาพ รามสูต สงขลา / เทศบาล ต.เกาะแต้ว ขอพื้นที่ที่ทิ้งขยะ 200 ไร่ คืน หลังชาวบ้านเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นและน้ำเสีย จากกรณีประชาชน ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ประมาณ 200 คน ได้วางเต็นท์และรั้วเหล็กปิดขวางถนนทางเข้าบ่อทิ้งขยะของเทศบาลนครสงขลา ห้ามรถทิ้งขยะทั้ง 29 องค์กร นำขยะไปทิ้ง เนื่องจากประชาชน ต.เกาะแต้วเดือดร้อน มีกลิ่นเหม็นและน้ำเสีย โดยมีตัวแทนประชาชนผลัดเปลี่ยนขึ้นบนเวทีโจมตีองค์กรที่นำขยะมาทิ้ง แต่เสียเงินค่าบริการ ทน.สงขลา โดยที่ ต.เกาะแต้วรับแต่มลพิษ มีทั้งขยะติดเชื้อและไม่ย่อยสลาย ได้มีประชาชนผลัดเปลี่ยนเข้าเวรยามตลอด 24 ชม.

           นายอับดุลก่อนี หมัดเจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล (ทต.) เกาะแต้ว กล่าวว่า ประชาชน ต.เกาะแต้ว เดือดร้อนจากบ่อทิ้งขยะของ ทน.สงขลาที่ได้ขอใช้พื้นที่มานานจริงๆ มีทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ทำให้สุขภาพกายและจิตเสื่อม ตนจำเป็นต้องเอาประชาชนไว้ก่อน ตามมติสภา ทต.เกาะแต้ว ขอคืนพื้นที่ที่ทิ้งขยะ 200 ไร่ คืน

           ด้านนายสมศักดิ์ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้เรียกตัวแทนองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้ง 29 องค์กร ที่กำลังได้รับผลกระทบจากการขัดขวางของประชาชน ที่ห้ามไม่ให้รถบรรทุกขยะเข้าไปทิ้งขยะในบ่อขยะของเทศบาลนครสงขลา ห้ามรถบรรทุกขยะขององค์กรใดต้องการใช้บริการ ต้องไปขึ้นทะเบียนกับเทศบาลตำบลเกาะแต้ว และจ่ายเงินค่าบริการกับ เทศบาลตำบลเกาะแต้ว

           นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บ่อทิ้งขยะที่ ต.เกาะแต้ว เป็นของเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเทศบาลนครสงขลา ขอใช้ที่ดินสาธารณะใน ม.ซึ่งปัจจุบัน ม.ต.เกาะแต้ว เนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะของเทศบาล ได้รับอนุญาตจากนายบัญญัติ จันทน์เสนะ อดีตนายอำเภอเมืองเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2529 ตั้งเป็นศูนย์จัดการขยะมูลฝอย จ.สงขลา ดังนั้นเทศบาลนครสงขลา ยังเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลนครสงขลาได้มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ทางเทศบาลตำบลเกาะแต้ว ไม่ยอม โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน ต.เกาะแต้ว จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา และทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ขัดขวางต่อไป

            นางกัลยา บุญญามณี ปลัดเทศบาลนครสงขลา กล่าวว่า เทศบาลตำบลเกาะแต้ว ถือวิสาสะยึดที่ทิ้งขยะเทศบาลนครสงขลา และไม่ยอมให้รถบรรทุกขยะผ่านเข้า-ออก ผิดกฎหมาย ให้ผู้ว่าฯ ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะปลัดเทศบาลนครสงขลา ได้ขอใช้ที่ดินแปลงนี้อย่างถูกต้องคามระเบียบ และได้ลงทุนพัฒนาไปแล้วไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท และยังใช้งบบำรุงอีกปีละกว่า 1 ล้านบาท

Read more...

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ผอ.โรงไฟฟ้าจะนะสงขลาให้ความมั่นใจเรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้า หลังพม่าประกาศหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ยืนยันไม่กระทบภาคใต้ หากประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงาน

ข่าว สุธิดา พฤกษ์อุดม ภาพ ธัญวรรณ จิระโร / ผอ.โรงไฟฟ้าจะนะสงขลาให้ความมั่นใจเรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้า หลังพม่าประกาศหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ยืนยันไม่กระทบภาคใต้ หากประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงาน

วันนี้(22ก.พ.56) นายวิวัฒน์ สิริเกียรติกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่มีสื่อมวลชนบางแขนงนำเสนอข่าวว่า หลังจากประเทศพม่าประกาศหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศไทย เพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ในช่วงเดือนเมษายนนี้ และจะทำให้พื้นที่ภาคใต้อาจเกิดเหตุไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับวูบๆ เป็นระยะๆได้ในบางพื้นที่

ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ เปิดเผยว่า ปัจจุบันในพื้นที่ภาคใต้มีความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าอยู่ที่ ประมาณ 2,500 เมกกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าจะนะสามารถผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 710 เมกกะวัตต์ ที่เหลือมาจากโรงไฟฟ้าต่างๆของภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ภาคใต้ อาทิ โรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่ , เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี , เขื่อนบางลาง จ.ยะลา ฯลฯ ซึ่งรวมแล้วสามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง 2,100 เมกกะวัตต์ และต้องใช้ไฟฟ้าจากภาคกลางเพียง 500 เมกกะวัตต์ จึงอยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ในเรื่องที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศไทยในเดือนเมษายนนั้น ไม่กระทบต่อภาคใต้และไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด เพียงแต่ขอความร่วมมือมายังทุกคนในการร่วมกันประหยัดพลังงานตั้งแต่วันนี้ เช่น การเพิ่มอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 25-26 องศาเซลเซียส การปิดไฟและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน ฯลฯ หากทุกคนร่วมใจกันปฏิบัติได้ก็จะเป็นการอนุรักษ์พลังงานให้สามารถใช้ไปได้อีกนาน

 

 

Read more...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...