ม.อ. เห็นชอบจัดตั้ง“สถานวิจัยระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย” หวังพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม
ข่าว สงขลา / ม.อ. เห็นชอบจัดตั้ง"สถานวิจัยระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย" หวังพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เห็นชอบการจัดตั้ง "สถานวิจัยระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย" ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะพยาบาลศาสตร์ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิภาวี คงอินทร์ เป็นผู้อำนวยการสถานวิจัย เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม สำหรับยุทธศาสตร์ในการวิจัยเพื่อสร้างฐานความรู้และพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต มี 4 ด้าน ได้แก่ การจัดการตนเองในผู้สูงอายุ การจัดระบบสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านของผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยเรื้อรัง การจัดการชมรมหรือเครือข่ายผู้สูงอายุ และ การจัดระบบสุขภาพชุมชนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุไทย โดยแบ่งการดำเนินการในระยะ 5 ปีหลังจากนี้ คือ ในปีแรก เริ่มจากการวิเคราะห์สถานการณ์ ปีที่สองและปีที่สามเป็นการพัฒนารูปแบบการวิจัย ปีที่สี่ เป็นการทดสอบ และปีที่ห้าเป็นการขยายผล เพื่อนำรูปแบบระบบสุขภาพที่พัฒนาขึ้นจากผลการวิจัยที่ได้ไปผลักดันแผนพัฒนาสุขภาพในระดับตำบล จนถึงระดับภาคเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวต่ออีกว่า การจัดตั้ง "สถานวิจัยระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย" ขึ้นนั้น สืบเนื่องมาจากในปัจจุบันความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดการพัฒนาความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการสาธารณสุข ทำให้จำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา สำหรับประเทศไทย จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มจากร้อยละ 5.0 ในปี พ.ศ.2493 เป็นร้อยละ 10.1 ในปี พ.ศ. 2543 เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และคาดว่าในปี พ.ศ. 2558 , 2568 และ2576 จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ ร้อยละ 15.6 , 21.5 และ 25 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมการสูงอายุอย่างชัดเจน ผู้สูงอายุจึงเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สังคมต้องให้การดูแล เพราะวัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไปในทางเสื่อมถอย และทำให้ภาระการดูแลของสังคมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุเกิดได้ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางเสื่อมสภาพการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย และจะผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจตามมา ดังนั้นการจัดตั้งสถานวิจัยดังกล่าว จึงเป็นการช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีสุขภาพกายใจที่ดีขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมร่วมกันในสังคมมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีต่อไป