วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กรมทางหลวง จัดประชุมปฐมนิเทศโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการลงทุน ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแนวใหม่ สาย อ.หาดใหญ่-ชายแดน-มาเลเซีย ที่ จ.สงขลากรมทางหลวง จัดประชุมปฐมนิเทศโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐ

ข่าว สุธิดา พฤกษ์อุดม ภาพ โปรดปราน บุญธรรม / กรมทางหลวง จัดประชุมปฐมนิเทศโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการลงทุน ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแนวใหม่ สาย อ.หาดใหญ่-ชายแดน-มาเลเซีย ที่ จ.สงขลา

       วันนี้(25ต.ค.55) เวลา 09.30 น. ที่ โรงแรม บี.พี.แกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมปฐมนิเทศโครงการ ครั้งที่ 1 การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการลงทุน ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแนวใหม่ สาย อ.หาดใหญ่-ชายแดน-มาเลเซีย โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน

        นายชัยทิศ พิเศษสกลกิจ เศรษฐกรชำนาญการพิเศษ และผู้จัดการโครงการและผู้ควบคุม กรมทางหลวง กล่าวว่า จากปัญหาทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนกาญจนวนิช) ซึ่งปัจจุบันมีจราจรหนาแน่นมากขึ้น ทำให้การคมนาคมขนส่งเกิดความล่าช้า ประกอบกับเส้นทางสายดังกล่าวเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญระหว่างประเทศ และการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกรมทางหลวงจึงได้วางแผนพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทย และว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาให้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนการลงทุนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแนวใหม่ สาย อ.หาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทำให้การเดินทางและการขนส่งสินค้าเกิดความคล่องตัว สะดวก ปลอดภัย ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด กรมทางหลวงจึงได้จัดการประชุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมเสนอข้อแนะนำต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพิจารณาประกอบการศึกษาโครงการที่เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป

         ด้าน นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลามีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการค้า การบริการ การท่องเที่ยว และการค้าชายแดนทางด่านสะเดาและปาดังเบซาร์  นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางยางพาราที่สำคัญของประเทศ ดังนั้นการพัฒนาและการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่งสินค้า จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกด้านการส่งสินค้าทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ปัจจุบันทีมูลค่าการค้านำเข้า-ส่งออก รวมกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าสู่เมืองหลักสำคัญของจังหวัดสงขลา ให้กับตลาดนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านได้มากยิ่งขึ้น  โดยจะนำ ไปสู่การกระตุ้นการสร้างความตื่นตัวด้านการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่โดยรวม ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างอีกทางหนึ่งด้วย...

                                                                                                                                                              

                                                                                              

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...