นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สสข.เขต5 เตือนพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกผักระวัง “โรคเน่าคอดิน” ที่มากับช่วงหน้าฝน
นายพรสิทธิ์ รังสิมันตุชาติ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่5(สสข.เขต5) เตือนพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกผักระวัง "โรคเน่าคอดิน"ที่มากับช่วงหน้าฝนว่า "โรคเน่าคอดิน" เป็นโรคที่มักเกิดกับพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กวางตุ้ง กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี คะน้า บร็อคโคลี่ ผักกาดขาว ผักกาดเขียว สาเหตุของโรคเกิดจากการหว่านกล้าพืชแน่น เบียดเสียดกันมากจนเกินไป อีกทั้งการมีน้ำขังในแปลงผักซึ่งจะทำให้เกิดเชื้อราจำนวนมากในดิน สำหรับลักษณะอาการที่สามารถสังเกตได้คือ โรคเน่าคอดิน เป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในแปลงพืช ยิ่งถ้าเป็นแปลงพืชที่มีเชื้อราอยู่แล้วด้วย ต้นกล้าก็สามารถเกิดการติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น เกิดเป็นแผลเน่าเปื่อยบริเวณโคนต้น แผลมีสีน้ำตาล ยุบตัวคอดกิ่วและแห้งตายไปเอง อีกทั้งการแพร่ระบาดยังระบาดได้ดีจากการแพร่กระจายของการรดน้ำลงบนต้นผัก ทั้งนี้ สภาวะที่เหมาะต่อการเกิดโรคเน่าคอดิน คือ แปลงผักที่มีการระบายน้ำได้ไม่ดี หว่านกล้าแน่นทึบจนเกินไป
นายพรสิทธิ์ รังสิมันตุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันและการกำจัดทำได้โดยหลีกเลี่ยงการทำแปลงผักในที่ร่มและชื้นมากจนเกินไป ไม่นำเอาเมล็ดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมาปลูก ป้องกันโดยการนำเมล็ดไปแช่ในน้ำร้อนอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียล ประมาณ 20-25 นาที น้ำร้อนจะช่วยทำลายเชื้อราได้ ต่อไป คือ การหว่านเมล็ดผักไม่ให้แน่นเกินไป จัดให้มีการระบายน้ำที่ดี อย่าให้มีน้ำขังในแปลงผัก หรือการยกร่องให้นูนสูง เพื่อให้การระบายน้ำได้รวดเร็ว เตรียมแปลงกล้าย่อยพรวนดินให้ละเอียดและให้โดนแดดจัดพอประมาณ ปรับหน้าดินโดยใช้ปูนขาว ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และเมื่อพบต้นผักที่เป็นโรคให้รีบถอนออกทันทีแล้วราดต้นผักข้างเคียงด้วยน้ำปูนขาว เพื่อป้องกันการติดเชื้อราจากต้นพืชที่เป็นโรค
อย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรที่ปลูกผักทุกคนหมั่นเฝ้าระวัง ดูแลแปลงพืชเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนซึ่งมีสภาพอากาศชื้น ไม่ให้ต้นผักติดเชื้อรา เพราะแม้ว่าโรคเน่าคอดินจะเป็นมากในพืชกระกูลกะหล่ำ แต่ก็สามารถเป็นได้ในพืชผักทุกชนิดเช่นเดียวกัน...