ทหารร่วมศุลกากรสนธิกำลังกวาดล้างสินค้าเถื่อนแบรนด์เนม และสินค้าที่เป็นภัยต่อความมั่นคงนับพันชิ้นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ข่าว สงขลา / วัทหารร่วมศุลกากรสนธิกำลังกวาดล้างสินค้าเถื่อนแบรนด์เนม และสินค้าที่เป็นภัยต่อความมั่นคงนับพันชิ้นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ที่ ส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 นายประยุทธ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการศุลกากรภาคที่ 4 และ พันโท นิคม ทองอินทร์แก้ว เสนาธิการ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ร่วมกันแถลงผลการสนธิกำลังกวาดล้างสินค้าลักลอบหนีภาษีศุลกากร สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายทางการค้า รวมทั้งสินค้าที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและยาเสพติด ประกอบด้วย กระเทียม 300 กระสอบ น้ำหนัก 3 ตัน , เสื้อและกางเกงกีฬา รวมทั้งกระเป๋าสะพายสตรี , กระเป๋าสตางค์ และเคสโทรศัพท์มือแบรนด์เนมอีกหลายร้อยชิ้น นอกจากนั้นยังมีใบกระท่อมสดประมาณ 50 กิโลกรัม , ยาแก้ไอน้ำเชื่อม 300 ขวด , ปืนพกสั้นบีบีกัน 4 กระบอก และ วิทยุสื่อสารพร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกกว่า 20 ชุด รวมมูลค่า 10 ล้านบาท
นายประยุทธ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการศุลกากรภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันของศุลกากรภาคที่ 4 และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 โดยของกลางที่เป็นกระเทียมหนีภาษีสามารถตรวจยึดได้ที่ตลาดสดพลาซ่า ขณะที่สินค้าแบรนด์เนมรวมทั้งปืนพกสั้นบีบีกัน และวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้จากบริษัทขนส่งเอกชนหลายแห่งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยมีต้นทางมาจากกรุงเทพฯ ส่วนใบกระท่อมสด และยาแก้ไอตรวจยึดได้ในกล่องพัสดุไปรษณีย์ที่ศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามเจ้าของสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตาม พรบ.ศุลกากร ต่อไป
ด้านพันโท นิคม ทองอินทร์แก้ว เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 กล่าวว่า ในส่วนของสินค้าที่เป็นภัยต่อความมั่นคงนั้น ทางคณะ คสช. และฝ่ายทหารได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยในส่วนของยาแก้ไอ และใบกระท่อมที่จะนำไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติดสี่คูณร้อยของกลุ่มวัยรุ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่จะมีการลักลอบส่งทางพัสดุไปรษณีย์ โดยมีการจ่าหน้าผู้ส่งมามาจากพื้นที่ภาคกลาง ส่วนผู้รับจะไม่ค่อยระบุ เนื่องจากจะมีการโทรนัดหมาย และบอกรหัสของพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าว แล้วให้ไปรับยังที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ปืนพกสั้นบีบีกันนั้นถูกจัดให้อยู่ในประเภทสิ่งเทียมอาวุธปืน และวิทยุสื่อสารพร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนำไปใช้เป็นตัวจุดชนวนระเบิดเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจะต้องกระทำโดยถูกกฎหมายเท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการส่งเสริมกลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าว