ผู้ว่าฯ กฟผ. เผยโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 พร้อมขับเคลื่อนเชิงพาณิชย์ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ข่าว สงขลา / ผู้ว่าฯ กฟผ. เผยโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 พร้อมขับเคลื่อนเชิงพาณิชย์ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต นายสุนชัย คำนูญเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า สำหรับการเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-2564 (PDP 2007 ปรับปรุงครั้งที่ 2) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เพื่อสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และเพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในเขตพื้นที่ภาคใต้
โดยโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 มีกำลังผลิตติด 800 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ซึ่งเป็นโครงการที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่เดิมของ กฟผ. ซึ่งเดิมโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 มีกำลังผลิตติดตั้ง 731 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับชุดที่ 2 แล้วจะมีกำลังผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 1,531 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าในภาคใต้ และตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปี พร้อมทั้งเสริมความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศโดยรวม ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในบริเวณพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (แหล่ง JDA) เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในอัตราสูงสุดประมาณ 148 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ทั้งนี้ กรณีจากการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไฟฟ้าในภาคใต้เป็นอย่างมาก กฟผ. จึ่งได้วางแผนจะปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรองในการผลิตไฟฟ้า หลังจากการปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 ให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรองในการผลิตไฟฟ้าแล้วเสร็จ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างก่อสร้างถังเก็บน้ำมันดีเซล และปรับปรุงหัวพ่นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 ให้ใช้ได้ทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดีเซล มีกำหนดแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2558
นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้ดำเนินนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับชุมชนจัดตั้งธนาคารปูม้า เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ นำความอุดมสมบูรณ์กลับคืนสู่คลองนาทับ ร่วมกับชุมชนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต และเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง