ธปท.สำนักงานภาคใต้ แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4

ข่าว สุวดี ศรีสมบูรณ์ ภาพ โปรดปราน บุญธรรม / ธปท.สำนักงานภาคใต้ แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4

วันนี้ (4ก.พ.56) เวลา 10.00 น. ที่ สถานสวัสดิสงเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ (ธปท.สภต.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สภต. เป็นประธานแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 4 ปี 2555 โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง จำนวนกว่า 100 คน

นายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 4 ปี 2555 มีการขยายตัวในเกณฑ์ดีตามภาคการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ประกอบกับการอุปโภคบริโภคและการลงทุนขยายตัว โดยเฉพาะรถยนต์และการก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกยังคงลดลงจากด้านราคาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวขยายตัวถึงร้อยละ 19.3 เนื่องจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มเที่ยวบินทั้งเช่าเหมาลำและบินตรงจากต่างประเทศมายังแหล่งท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวในสงขลาฟื้นตัวหลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อปลายไตรมาส 1 โดยภูเก็ตและสงขลามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 และ 18.3 สูงกว่าไตรมาสก่อน สำหรับผลผลผลิตพืชผลเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 ตามยางและปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ราคาลดลงร้อยละ14.4 เนื่องจากปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลก  แต่ยังถือว่าปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 เนื่องจากจีนซื้อยางเก็บเข้าสต็อกทำให้ราคายางสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรดีขึ้น ขณะเดียวกันการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.9 เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกส่วนใหญ่ขยายตัว โดยอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดตะวันออกกลางและญี่ปุ่น ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกายังมีความต้องการถุงมืออย่างต่อเนื่อง  มีเพียงยางพาราและไม้ยางที่ลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ตลาดหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีการสั่งซื้อน้อยลง ส่วนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ตามวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

การลงทุนขยายตัวสูงขึ้นโดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 12.6 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อนุญาตก่อสร้าง ยอดจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ขณะเดียวกันการอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ 0.6 จากยอดจำหน่ายรถคันแรกเป็นสำคัญ ทั้งนี้ มีผู้ขอใช้สิทธิ์จำนวนมากกว่า 1.5 หมื่นคัน สำหรับมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 12.7 ตามการลดลงของมูลค่าส่งออกยางพารา นอกจากนี้ ไม้ยางพาราแปรรูป สัตว์น้ำแช่แข็งและก๊าชธรรมชาติมีมูลค่าส่งออกลดลงเช่นกัน ขณะที่มูลค่าการส่งออกอาหารบรรจุกระป๋อง ยางสังเคราะห์และยางผสมเสร็จเพิ่มขึ้น