ชาว.จะนะ จ.สงขลา ใช้เศษพืชผักตามธรรมชาติและน้ำหมักจุลินทรีย์เป็นปุ๋ยปลูกสละพันธุ์อินโด ให้ผลผลิตหมุนเวียนทำเงินได้ตลอดปี
วันนี้(22มิ.ย.55) นายสว่าง รักษ์ทอง อายุ 70 ปี ชาวบ้านบ้านม้าเงย ม.1 ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา ใช้พื้นที่รอบๆตัวบ้านจำนวน 3 ไร่ ปลูกสละพันธุ์อินโดจำนวน 200 ต้น ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมของตลาด เนื่องจากมีรสชาติหวาน เนื้อหลุดร่อนกรอบ ไม่ติดเม็ด และ ขายได้ราคาดี โดยปลูกมาแล้ว 7 ปี หลังเลิกอาชีพกรีดยางพารา ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือนตลอดปี ทั้งหน้าแล้งและหน้าฝน โดยเก็บขายได้รุ่นละ 100 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 60-70 บาท ซึ่งมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้าน คุณลุงสว่าง บอกว่า เทคนิคการปลูกสละของตน คือ จะไม่ปลูกพร้อมกันทั้งหมด แต่จะทิ้งระยะห่าง 1-2 เดือน เพราะเมื่อสละให้ผลผลิต ก็จะทยอยออกต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปี เดือนละอย่างน้อย 5,000 บาท ซึ่งเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยที่ไม่ต้องรบกวนลูกหลาน และสละของคุณลุงสว่างก็เป็นสละปลอดสารพิษ โดยจะใช้เศษพืชผักผลไม้ในละแวกบ้านไปกองไว้ที่กอสละ เพื่อใช้เป็นปุ๋ยบำรุงต้น และใช้น้ำหมักชีวภาพ ซึ่งประกอบด้วย ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และ มะละกอ ผสมกับกากน้ำตาล เพื่อใช้ในการบำรุงดอก ซึ่งจะช่วยให้สละมีรสหวานมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นจะต้องช่วยผสมเกสรระหว่างต้นผู้กับต้นเมีย เพื่อให้ได้ผลผลิตเต็มที่ และยังใช้วิธีเก็บเกสรตัวผู้ผสมกับแป้งมันไว้ในขวดโหลปิดให้มิดชิด เพื่อสำรองไว้ในช่วงที่ขาดแคลน ซึ่งจะเก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน เลยทีเดียว คุณลุงสว่างบอกอีกว่า สละพันธุ์อินโดเป็นไม้ผลเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ตลาดต้องการ และขายได้ราคาดี ซึ่งวิธีการดูแลก็ง่ายมาก และปราศจากศัตรูพืช โดยปลูกแค่ 2 ปี ก็ให้ผลผลิตได้แล้ว แตกต่างจากผลไม้ชนิดอื่น ทั้ง ลองกอง ทุเรียน และ เงาะ ที่มักจะประสบปัญหาล้นตลาด และราคาถูก ซึ่งการปลูกสละถือว่าเป็นทางเลือกของเกษตรกรหรือชาวบ้านทั่วไป ที่สามารถนำไปปลูกในสวนหรือละแวกบ้าน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้
