การซ่อมแซมเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปึก จ.สงขลา เริ่มทำงานแล้วหลังชาวบ้านร้องขอให้เร่งดำเนินการ เนื่องจากใกล้ถึงฤดูมรสุม
ข่าว สันติภาพ รามสูต / การซ่อมแซมเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปึก จ.สงขลา เริ่มทำงานแล้วหลังชาวบ้านร้องขอให้เร่งดำเนินการ เนื่องจากใกล้ถึงฤดูมรสุม
จากการนำเสนอข่าว บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปึก หมู่ที่ 10 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ทำถนนจากชายหาดไปที่เขื่อนเพื่อเข้าทำการซ่อมแซมเขื่อนเป็นการปิดการไหลของน้ำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จนมีการร้องขอให้ทางบริษัทฯเร่งดำเนินการก่อสร้างโดยเร็ว เนื่องจากใกล้ถึงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทุกปีบริเวณนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาตลอด ในวันนี้(10ต.ค.55) ทางบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการลงมือก่อสร้างตามคำเรียกร้องของชาวบ้าน โดยนำรถแบ็คโฮล์เข้าไปซ่อมแซมเขื่อน โดยการจัดวางหินขนาดใหญ่และรถบรรทุกนำหินเข้าไปลงบริเวณเขื่อนที่ทำการซ่อมแล้ว อย่างไรก็ตามชาวบ้าน 2 ตำบลในพื้นที่ อ.จะนะและ อ.เมืองสงขลา ที่อยู่ชายทะเลสนับสนุนการก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างเต็มที่ เนื่องจากฤดูมรสุมฯที่ผ่านมา เขื่อนดังกล่าวสามารถต้านทานความรุนแรงของคลื่นลมได้เป็นอย่างดี นายอดิเรก หมัดหมาน อายุ 41 ปี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา กล่าวว่า ชาวบ้านที่นี่ไม่ได้คัดค้านการที่กรมเจ้าท่าได้มาดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นในพื้นที่ตำบลนาทับและตำบลเกาะแต้ว โดยชาวบ้านต้องการให้เจ้าของโครงการ คือ กรมเจ้าท่าได้เร่งรัดผู้รับเหมาให้รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะว่าใกล้จะถึงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงปลายเดือนนี้แล้ว จึงขอฝากผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้กับชาวบ้านโดยด่วน ในขณะเดียวกันชาวบ้านที่มาดูการเริ่มทำงานซ่อมแซมเขื่อนฯ ต่างร่วมปรึกษาหารือร่วมกัน โดยมีความเห็นว่า ยินดีที่จะทำการรื้อถอนเคลื่อนย้ายเครื่องมือทำการประมงในบริเวณแนวเขื่อนด้านในออกทั้งหมด หากมีการถมถนนเข้าไปที่ตัวเขื่อน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของบริษัทผู้รับเหมา ให้สามารถทำงานได้คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น สำหรับการซ่อมแซมเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ไปจนถึงที่บ้านปึก หมู่ 10 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา กรมเจ้าท่า ได้รับงบประมาณ 150 ล้านบาทในการซ่อมแซมเขื่อนที่ชำรุดจากการถูกคลื่นลมมีกำลังแรงซัดกระหน่ำและสร้างเพิ่มเติมพร้อมกันไปด้วย โดยลดช่องว่างระหว่างเขื่อนที่ก่อสร้างไว้เดิมให้น้อยลง จากเดิม 150 เมตร ให้เหลือประมาณ 80-90 เมตร และเพิ่มโครงสร้างในระหว่างช่องว่างเพื่อปิดไม่ให้น้ำทะเลเข้ามามากเหมือนที่ผ่านมา และมีการเซ็นสัญญาทำการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 และจะสิ้นสุดสัญญาในเดือนธันวาคม 2556 เป็นเวลา 18 เดือน
