วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จัดโครงการผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการบริการดูแลรักษาโรคต้อกระจกให้แก่ประชาชน และลดภาวะตาบอดจากโรคต้อกระจก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ร่วมกับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว(องค์การมหาชน) จัดโครงการผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ  เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการบริการดูแลรักษาโรคต้อกระจกให้แก่ประชาชน และลดภาวะตาบอดจากโรคต้อกระจก 
นายแพทย์ศิริชัย  ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ต้อกระจกเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้คนไทยตาบอด ถึงร้อยละ 51.8 ปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นต้อกระจกประมาณ 120,000 คน ที่รอการผ่าตัด และพบว่า มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณปีละ 400,000 คน ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ นอกจากทำให้การดำรงชีวิตยากลำบากแล้ว ยังทำให้เป็นภาระต่อครอบครัวและบุคคลรอบข้าง  ดังนั้น ในปี 2556  จังหวัดสงขลา  จึงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของประชาชนในการรับการผ่าตัดต้อกระจก โดยจัดให้มีการตรวจคัดครอง  พัฒนาศักยภาพ อสม.เพื่อช่วยสนับสนุนในการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ และมีการผ่าตัดต้อกระจกโดยหน่วยบริการเคลื่อนที่  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้โครงการผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสงขลา ปี 2556  ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน- กันยายน 2556  และมีกำหนดบริการผ่าตัดต้อกระจกโดยทีมจักษุแพทย์โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ออกให้บริการเคลื่อนที่ไปในพื้นที่อำเภอต่างๆ ดังนี้  โรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์  วันที่ 12  กันยายน 2556  / โรงพยาบาลสะเดา วันที่ 13 กันยายน  2556  /  โรงพยาบาลรัตภูมิ วันที่ 14 กันยายน 2556 และ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรม   ราชินีนาถ  อำเภอนาทวี วันที่ 15 กันยายน  2556  โดยในระยะนี้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์สุขภาพชุมชน  และโรงพยาบาลในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดสงขลา ได้มีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นประชาชนที่สงสัยเป็นต้อกระจก เพื่อส่งต่อเข้ารับการตรวจยืนยัน และรับการผ่าตัด  โรงพยาบาลที่เป็นหน่วยผ่าตัดฯ ตามวัน ดังกล่าว  ดังนั้น ประชาชนที่สงสัยจะเป็นต้อกระจก คือมีอาการตามัว หรือมองเห็นภาพซ้อนโดยไม่มีอาการเจ็บปวดหรือตาแดง สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองเบื้องต้นและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุข  สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง     นายแพทย์ศิริชัย  ลีวรรณนภาใส  ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า   ต้อกระจก เป็นภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ตา  ภายในลูกตามีลักษณะขุ่นขาวขึ้น ทำให้เกิดอาการตาฝ้าฟางหรือมืดมัว  สาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากภาวะเสื่อมตามวัย โดยอาการผู้ป่วยจะรู้สึกว่า ตาค่อย  มัวลงทีละน้อย ในระยะเริ่มแรกจะรู้สึกมีอาการตามัวเหมือนมีหมอกบัง มองในที่มืดชัดกว่าที่สว่าง หรือถูกแสงสว่างจะรู้สึกตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ หรือมองเห็นภาพซ้อน โดยไม่มีอาการเจ็บปวดหรือตาแดงแต่อย่างไร อาการตามัวจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ     กินเวลาเป็นแรมเดือนแรมปี    จนในที่สุดเมื่อแก้วตาขุ่นขาวจนหมด (เรียกว่า ต้อสุก) ก็จะมองไม่เห็น สำหรับต้อกระจกในคนสูงอายุ มักจะเป็นที่ตาทั้งสองข้าง แต่จะสุกไม่พร้อมกัน อาการแทรกซ้อนเมื่อ ต้อสุกและไม่ได้รับการผ่าตัด จะทำให้ตาบอดสนิท    ในบางคนแก้วตาอาจบวม หรือหลุดลอยไปอุดกั้นทางระบายของของเหลวในลูกตา ทำให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้น จนกลายเป็นต้อหินได้  ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาอย่างรุนแรง  การรักษาในรายที่เริ่มเป็นน้อย  รอจนกว่าต้อสุก จึงแนะนำไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล ยกเว้นทารกที่เป็นต้อกระจกมาแต่กำเนิด อาจต้องผ่าตัดเมื่ออายุได้ 6 เดือน เพื่อป้องกันมิให้ประสาทตาเสื่อม  ทั้งนี้ การรักษาต้อกระจกมีอยู่วิธีเดียว คือ การผ่าตัดเอาแก้วตาออก ไม่มียาที่ใช้กินหรือหยอดแก้อาการของต้อกระจกได้  ส่วนต้อกระจกที่พบในคนอายุน้อย หรือวัยกลางคนอาจมีสาเหตุจากเบาหวาน หรืออื่น  ได้ ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล และผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกอย่าไปรักษาตามแบบพื้นบ้าน เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ต้อหิน เลือดออกในวุ้นลูกตา   หรือประสาทตาเสื่อมทำให้ตาบอดอย่างถาวร


 

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...